จะรู้ได้อย่างไร ว่าขาดเเคลเซียม ?
- หงุดหงิดง่าย
- ข้อเข่าปวดและบวม
- ชาและเป็นเหน็บที่มือ นิ้วเท้าและรอบปาก
- กล้ามเนื้อกระตุก กรณีรุนแรงจะเกิดอาการชัก
- เกร็งตามมือและเป็นตะคริวบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนล้า
- ปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอกบ่อยทั้งที่ไม่ได้ยกของหนัก
การขาดแคลเซียมไม่มากแต่ขาดอย่างต่อเนื่องกระดูก
จึงผุกร่อนตลอดเวลาโดยไม่แสดงอาการในระยะแรก
แต่เมื่อร่างกายได้รับการกระทบกระทั่งเพียงเบา ๆ
ทำให้กระดูกหักได้ง่ายพบมากบริเวณ กระดูกแขน
ใกล้ข้อมือ ต้นขา สะโพกและกระดูกสันหลัง
ปริมาณเเคลเซียมที่ควรได้รับต่อวัน
เด็ก ( 1-10 ปี ) | ควรได้รับ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน |
วัยรุ่น ( 11-25 ปี ) | ควรได้รับ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน |
ผู้ใหญ่ | ควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน |
หญิงมีครรภ์ | ควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน |
หญิงให้นมบุตร | ควรได้รับ 1,500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน |
ผู้ป่วยกระดูกหัก | ควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน |
หมายเลขทะเบียนอาหารและยา : 12-1-09448-1-0134
ขนาดบรรจุ : 60 เม็ด
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร
ทำไมต้องเลือกทานเเคลเซียมให้ถูกต้อง
- การดูดซึม ของเเคลเซียมเเต่ละชนิดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นอกเหนือจากการเเตกตัว เช่น การละลาย สภาวะกรดด่าง (pH) ที่เหมาะสมในการดูดซึมเเละเวลาที่ผ่านระบบช่วยย่อยด้วย
- เเคลเซียม คาร์บอเนต ไม่ละลายในน้ำ เเต่ละลายในกรด จึงมีข้อจำกัดในการละลาย เเละต้องทานหลังอาหาร
- การสร้างกระดูกให้เเข็งเเรงต้องให้เเคลเซียม เเละคอลลาเจน
- เเคลเซียมที่มีขายในท้องตลาดส่วนใหญ่ ให้เฉพาะเเคลเซียมเเต่ไม่ช่วยในการสร้าง คอลลาเจน เเละกระดูกอ่อน จึงยังมีอาการของข้อเสื่อมอยู่ เช่น ปวดบริเวณข้อเข่าต่อ
- ผู้ป่วยที่มีโรคกระดูกเสื่อมมักจะทานยาลดปวดหรือยารักษากระดูกเสื่อมเพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่ทานเเคลเซียมมานาน
แคลทรีเลจ (Caltilage)
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เเละ คอลลาเจน
เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากอเมริกา ที่ให้ทั้งแคลเซียม พร้อมๆไปกับการเสริมสร้างกระดูก โดยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนและกระดูกอ่อน (Cartilage) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแคลทรีเลจ (Caltilage) มีคุณสมบัติพิเศษดังนี้
- เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก
ป้องกันโรคกระดูกพรุน แคลเซียม แอล-ทรีโอเนท จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูกและยับยั้งการสลายตัวของกระดูก - ป้องกันโรคข้อเสื่อม
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนท (Calcium L-Threonate) จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก (Bone) และสร้างกระดูกอ่อน (Cartilage) รวมทั้งสร้างน้ำไขข้อไปพร้อมกัน ทำให้กระดูกและข้อแข็งแรง - ไม่ทำให้ท้องผูก
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนท แตกตัวและละลายได้ดีในน้ำ จึงไม่หลงเหลือหินปูนให้ตกตะกอน หรือสะสมเกาะตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และทำไม่ให้ท้องผูก
แคลเซียม แอล-ทรีโอเนท ดูดซึมได้ดีมากด้วยตัวเอง จึงรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ - ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้มากกว่าแคลเซียมชนิดอื่นถึง 9 เท่า
- ดูดซึมได้ด้วยตัวเองถึง 95% เป็น passive transport
สามารถดูดซึมผ่านระหว่างเซลโดยไม่ต้องอาศัยวิตามินดีและโปแตสเซียมเพื่อผ่านเข้า-ออกเซล ซึ่งแคลเซียมชนิดอื่นๆ มีการดูดซึมเพียง 10-15% เท่านั้น - แคลเซียม แอล-ทรีโอเนท ได้รับสิทธิบัตรรับรองจาก USA
ซึ่งเป็นการบอกว่า แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เป็นเพียงแคลเซียมชนิดเดียวที่สามารถป้องกันและลดอาการอันเกิดจากกระดูกบาง-พรุนและข้อเสื่อมได้
ทำไมต้องเเคลทรีเลจ พลัส คอลลาเจน
ครั้งเเรกกับนวัตกรรมเพื่อการดูดซึม ของเเคลทรีเลจกับคอลลาเจนไดเปปไทด์ เส้นใยโปรตีนคอลลาเจน 300,000 ดาลตัน ถ้าถูกย่อยให้เหลือเพียงกรดอะมิโนเรียงต่อกัน 2 ตัว จะเรียกว่า “คอลลาเจน ไดเปปไทด์” ด้วยโมเลกุลเล็กกว่าจึงดูดซึมได้เร็วเเละมากกว่าคอลลาเจนเปปไทด์ด้วยส่วนผสมคอลลาเจนรูปแบบใหม่ “ไดเปปไทด์” เป็นเปปไทด์ สายสั้นของคอลลาเจน ที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกคัดสรรเฉพาะกระอะมิโน 2 ชนิด เรียงต่อกันเป็นเปปไทด์ ( Dipeptide )คือ ไพรลีน-ไฮดรอกซีโพรลีน เเละไฮดรอกซีไพรลีน-ไกลซีนด้วยโมเลกุลเล็กเพียง 200 ดาลตันส่งผลให้
- คอลลาเจน ไดเปปไทด์ โมเลกุลเล็กกว่าเพียง 200 ดาลตัน จึงดูดซึมเร็ว เเละมากกว่า คอลลาเจน ไตรเปปไทด์เเบบเดิมถึง 55 เท่า ใน 7 ชั่วโมงเเรกของการดูดซึมเข้ากระเเสเลือด
- สามารถเข้าทำงานตรงจุดที่เซลล์ผิว เวลล์ไฟโบรบลาสท์ 3 เสริมสร้างคอลลาเจนเเละอิลาสติน เเละไฮยาลูโรนิคแอซิด
- คอลลาเจน ไดเปปไทด์ ดูดซึมเร็วเเละมากกว่าคอลลาเจนไตรเปปไทด์เเบบเดิม ดดยสามารถดูดซึมเข้าสู่กระเเสเลือดตั้งเเต่ 30 นาทีหลังรับประทาน เเละเข้าสู่ผิวหนัง, กระดูกอ่อน, กระดูกอ่อนข้อต่อได้จริง
- คอลลาเจน ไดเปปไทด์ สามารถเข้าทำงานลึกถึงระดับยีน โดยเพิ่มการทำงานของยีนเสริมสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิด ช่วยเติมความชชุ่มชื้นให้ผิว เเละเพิ่มน้ำไขข้อในข้อต่อ
- ลดความเสื่อมกระดูกข้อต่อ อาการปวดเข่าดีขึ้น
- ดูเเลครบทั้ง ผิว กระดูกเเละข้อ
” ดังนั้นเราจึงเลือกคัดสรรคอลลาเจนที่เหมาะสมเเละมีคุณภาพที่ดีที่สุด
ซึ่งได้มาจากปลาทะเลน้ำลึกประเทศญี่ปุ่นที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนมนุษย์ที่สุด “